ข่าวทั่วไป...ต้องการผู้ร่วมธุร...
ReadyPlanet.com


ข่าวทั่วไป...ต้องการผู้ร่วมธุรกิจ...ขยายโอกาสขยายงานโอทู>>>ข่าวท่องเที่ยว


 

คลิ๊กที่นี่ เพื่อเข้าชมแผนการตลาดของบริษัทโอทู 

www.otwopremiumorganic.com/index.php

 

 

 
บ.โอทูฉลองครบรอบ 11ปี (วันที่ 10 ตุลาคม 2558)

วันที่ 10 ตุลาคม 2558บริษัท โอทูอินเตอร์เนชั่นแนล จำกัดครบรอบปีที่ 11 ก้าวสู่ปีที่ 12"We Care We Share We Grow"(เราดูแล เราแบ่งปัน เราเติบโตไปด้วยกัน)คำว่า "Otwo" มีความหมายว่า รายได้ทางที่สอง(Out Come)เจตนารมณ์ในการก่อตั้งบริษัทฯ ต้องการทำธุรกิจการตลาดแบบขายตรงหลายชั้น (MLM) เพื่อเปิดโอกาศแก่ทุกคนทางสังคม ให้มีโอกาสค้นหาศักยภาพที่แท้จริงของตนเอง เพื่อการเปลี่ยนแปลงคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้นในสังคม โดยยึดมั่นการตลาดแบบ MLM ที่ถูกต้อง เน้นความโปร่งใส ยุติธรรม สามารถเข้าถึงข้อมูลและข่าวสารได้อย่างเท่าเทียมกัน บริษัทมีสินค้านวัตกรรมเกษตรอินทรีย์ หลากหลาย มีคุณสมบัติที่โดดเด่น เป็นที่ยอมรับของผู้บริโภคตลอดระยะเวลาหลายปี ถือว่าผู้บริโภคยอมรับในคุณภาพ นักธุรกิจอิสระที่จะเข้ามาทำการตลาดก็สามารถเลือกกลุ่มสินค้าที่เหมาะสมและชำนาญนำไปทำการตลาด และจะประสบความสำเร็จได้ง่าย พร้อมความมั่นคง ยั่งยืน มาเรียนรู้แผนการตลาดกับเรานะครับสั่งซื้อผลิตภัณฑ์โอทูส่งไปรษณีย์ EMS ทั่วประเทศเกษตรอินทรีย์100% ลดโลกร้อนปลอดภัยต่อผู้ใช้และผู้บริโภคช่วยลดต้นทุนปุ๋ยเคมีและยาฆ่าแมลงเพิ่มผลผลิตได้อย่างแน่นอนwww.otwopremiumorganic.comLINE ID:angotwoคุณอัง.087-874 7997สุดยอด...ปรารถนาของผู้หญิงสวยใส มั่นใจ จากภายในสู่ภายนอกผู้หญิงดูดี เพราะมี F2www.f2lady.comLINE ID:f2ladyคุณอ้อย.089-848-9604Executive Centerผู้บริหารศูนย์-คลังสินค้าโอทู คุณเทพพิศักดิ์-คุณสมใจ ชื่นมุนีวงศ์

Posted by Angotwo on 12 ตุลาคม 2015

 

 

 

 

วันที่ 10 ตุลาคม 2558บริษัท โอทูอินเตอร์เนชั่นแนล จำกัดครบรอบปีที่ 11 ก้าวสู่ปีที่ 12"We Care We Share We Grow"(เราด...

Posted by Angotwo on 11 ตุลาคม 2015

 

 

 

ผู้นำ 5 ระดับ
(วิทยานิพนธ์ ของนักศึกษาปริญญาเอกจาก มหาวิทยาลัย ฮาร์วาร์ด)
ตามแนวคิดแบบตะวันออกแบ่งผู้นำเป็น 5 ระดับ ดังนี้

1. ระดับล่างสุด คือผู้นำที่เฉลียวฉลาด มีไหวพริบ รู้เท่าทันคน มียุทธวิธี
และกลยุทธ์ที่แหลมคม มีวิสัยทัศน์กว้างไกล เป็นผู้นำที่ลูกทีมมั่นใจว่
จะพาทีมไปได้ตลอดรอดฝั่ง ผู้นำระดับนี้เรียกว่า “ผู้นำที่เก่งฉลาด”

2. ระดับที่สอง คือผู้นำเก่งฉลาดบวกด้วยประสบการณ์ชีวิต รวมทั้งมีบทเรียนที่เคย
ผ่านความเจ็บปวดมาแล้ว และแน่นอนต้องผ่านการทำงานอย่างโชกโชนเพียงพอ 
เขาจะได้เข้าใจถึงกาลเทศะ เรื่องอะไรควรหนัก เรื่องอะไรควรเบา สิ่งใดควรรีบเร่ง 
สิ่งใดควรรั้งรอไว้ก่อน ประเด็นใดสำคัญมาก ประเด็นใดสำคัญน้อยกว่า 
ผู้นำระดับนี้ก็จะสร้างความมั่นใจได้มากขึ้นว่า จะไม่บุ่มบ่าม หุนหันพลันแล่น 
แต่จะมีวิธีแก้ปัญหาที่ยืดหยุ่น นุ่มนวล ถูกต้องสอดคล้องกับสถานการณ์ต่างๆ ได้ดีขึ้น 
เท่ากับนำพาให้ทีมงานลดความเสี่ยงที่จะต้องพบเจอกับภาวะวิกฤตโดยไม่จำเป็น 
ผู้นำระดับนี้เรียกว่า “ผู้นำที่มีปัญญา”

3. ระดับที่สาม คือผู้นำที่มีปัญญาแล้วยังสามารถเป็นที่พึ่งของลูกน้องได้ 
มีความเมตตากรุณาที่ใครเดือดร้อนก็จะมาพึ่งพาขอความช่วยเหลือ
ลูกทีมที่อยู่ร่วมกันก็จะมีความรู้สึกผูกพัน อบอุ่น มั่นคง ผู้นำระดับนี้เรียกว่า “ผู้นำที่มีน้ำใจ”

4. ระดับที่สี่ คือ ผู้นำที่เปิดทางสนับสนุนให้ลูกทีมได้ประสบความสำเร็จ 
บุคคลเหล่านั้นจะเคารพนับถือผู้นำชนิดนี้อย่างสุดจิตสุดใจ เพราะความสำเร็จ
ในชีวิตของพวกเขาได้มาจากผู้นำคนนี้ ผู้นำระดับนี้เรียกว่า “ผู้นำที่สร้างคน”

5. ระดับสูงสุด คือผู้นำที่ไม่ได้อยากเป็นผู้นำ แต่เป็นคนที่มีความสามารถนำพา
องค์กรทั้งทีมฝ่าฟันผ่านพ้นวิกฤตไปได้ โดยไม่มีกิเลสตัณหาคิดจะเป็นใหญ่ 
จึงทำทุกอย่างโดยไม่มีอะไรแอบแฝง โปร่งใสตรวจสอบได้ในทุกด้าน 
ดังเช่นปูชนียบุคคลที่ผมเคยเขียนแนะนำประวัติไว้สองท่านคือ จอร์จ วอชิงตัน1 
และ เติ้งเสียวผิง 2 ซึ่งล้วนถูกเคี่ยวเข็ญให้ขึ้นมาเป็นใหญ่เพื่อกอบกู้วิกฤต 
และ พยายามขอถอนตัวจากไปอย่างเงียบๆ เมื่อเสร็จสิ้นภารกิจที่ต้องรับผิดชอบ 
ผู้นำระดับนี้เรียกว่า “ผู้นำที่ยิ่งใหญ่”

กล่าวโดยสรุป ผู้นำระดับที่หนึ่งและสองใช้ “สมอง” เป็นหลัก แต่ผู้นำที่สูงขึ้นมา
ในระดับสาม สี่ ห้า ต้องใช้ “หัวใจ” เป็นกลไกขับเคลื่อน แนวทางการบริหารจัดการ
แบบตะวันออกเน้นเรื่องหัวใจมากกว่าสมอง โดยยึดปรัชญาที่ว่า
“คนจะใหญ่ หัวใจต้องใหญ่พอ!”

ดังนั้น บุคคลที่ไม่ได้มีความสามารถโดดเด่นมากที่สุดหรือเก่งที่สุด แต่มีภาวะจิตใจ
อยู่ในระดับสาม สี่ ห้า ดังที่ได้กล่าวมาแล้ว จึงมักจะอยู่ในตำแหน่งระดับสูงของ
องค์กรใหญ่ๆที่บริหารตามแนวทางตะวันออก เพราะองค์กรเหล่านี้ไม่ได้ยึด
ผลประโยชน์เป็นใหญ่ แต่ให้น้ำหนักกับเรื่องความสุขของทุกคนในทีมเป็น
เป้าหมายที่สำคัญที่สุด 

จัดส่งทางไปรษณีย์ EMS ทั่วประเทศ 
เกษตรอินทรีย์แท้100% ลดโลกร้อน
ช่วยลดต้นทุน เพิ่มผลผลิตได้อย่างแน่นอน
www.otwopremiumorganic.com
Line id : angotwo
คุณอัง.087-874-7997

สุดยอด...ปรารถนาของผู้หญิง
สวยใส มั่นใจ จากภายในสู่ภายนอก
ผู้หญิงดูดี เพราะมี F2
www.f2lady.com
LINE ID:f2lady
คุณอ้อย.089-848-9604

 

16 พฤติกรรมคนละขั้วของคนประสบความสำเร็จและคนที่ล้มเหลว

1. ยอมรับความเปลี่ยนแปลง vs กลัวการเปลี่ยนแปลง
การเปลี่ยนแปลงเป็นเรื่องยากที่จะยอมรับแต่ก็ไม่ใช่สิ่งที่ปฏิเสธได้ การยอมรับความเปลี่ยนแปลงจึงเป็นเรื่องยากที่หลายๆ คนจะสามารถทำได้ อย่างไรก็ตาม ในโลกทุกวันนี้ที่เรามีความเปลี่ยนแปลงกันอย่างรวดเร็วด้วยเทคโนโลยีที่ถูกพัฒนาแบบก้าวกระโดด มันจึงจำเป็นมากที่เราจะต้องกล้ายอมรับความเปลี่ยนแปลงและปรับตัว แทนที่จะกลัวและปฏิเสธมัน

2. อยากให้คนอื่นประสบความสำเร็จ vs หวังให้คนอื่นล้มเหลว
เมื่อคุณอยู่ในองค์กรที่มีคนมากมาย การประสบความสำเร็จหมายถึงทุกคนควรจะประสบความสำเร็จไปด้วยกัน ไม่ใช่การหวังว่าใครคนหนึ่งจะประสบความสำเร็จ ถ้าคุณมีความคิดว่าอยากให้อีกฝ่ายหรืออีกทีมล้มเหลว มันจะมีประโยชน์อะไรที่จะทำงานร่วมกัน?

3. ส่งต่อความสุข vs ส่งต่อความหงุดหงิด
ในการทำธุรกิจนั้น เป็นเรื่องปรกติที่จะเกิดอารมณ์ขณะทำงาน แต่ถ้าคุณส่งต่อความสุขหรือทำให้คนรอบข้างรู้สึกสนุกร่วมไปกับคุณแล้ว ทีมก็ย่อมมีโอกาสที่จะประสบความสำเร็จมากกว่า แต่หากใครส่งต่อความหงุดหงิดให้กับทีมรอบข้างแล้วก็จะยิ่งทำให้คนรอบๆ รู้สึกแย่ ไม่มีแรงกระตุ้น และยากจะทำงานให้ประสบความสำเร็จได้

4. รับผิดชอบกับความล้มเหลว vs โทษว่าเป็นเพราะผู้อื่น
คุณสมบัติข้อหนึ่งของการเป็นผู้นำที่ประสบควาสำเร็จนั้นคือการกล้ารับผิด กล้าเป็นคนที่ออกตัวว่าเป็นคนรับผิดชอบกับผลที่เกิดขึ้น การโทษคนอื่นไม่ได้นำไปสู่อะไรทั้งนั้นหากแต่จะทำให้คนอื่นรู้สึกแย่ไปกว่าเดิมเสียอีก

5. พูดคุยเรื่องของไอเดีย vs พูดคุยแต่เรื่องคนอื่น
การเอาแต่พูดคุยว่าคนอื่นเป็นอย่างไร การซุบซิบนินทาไม่ได้เป็นประโยชน์อะไรทั้งนั้น มีแต่เสียเวลาไปเปล่าๆ อีกต่างหาก คนที่ประสบความสำเร็จจึงไม่ใช้เวลาไปกับการนินทาคนอื่น หากแต่จะเน้นในการแลกเปลี่ยนความคิดหรือหาวิธีที่จะขับเคลื่อนความคิดต่างๆ ไปข้างหน้า

6. แลกเปลี่ยนไอเดียและข้อมูล vs หวงข้อมูล
การแชร์สิ่งที่มีประโยชน์ให้กับคนอื่นมีแต่จะเป็นประโยชน์กับตัวคุณเอง เพราะมันแสดงให้เห็นว่าคุณเป็นคนที่แคร์คนอื่น ยิ่งในยุค Social Media นั้น การแชร์เรื่องราวดีๆ เป็นส่วนสำคัญของการประสบความสำเร็จ มันยิ่งทำให้คนอื่นสามารถมาร่วมกับคุณในการไปสู่ความสำเร็จได้ แต่การเอาแต่หวงข้อมูลนั้นมีแต่ทำให้คุณเห็นแก่ตัวและคิดถึงผลลัพธ์ในระยะสั้นเท่านั้น

 

7. ให้เครดิตทุกคนที่ทำให้ประสบความสำเร็จ vs เอาเครดิตจากคนอื่น
การทำงานเป็นทีมเป็นเรื่องสำคัญในการประสบความสำเร็จ มันจำเป็นมากที่ผู้นำจะต้องไม่เอาเครดิตจากคนอื่น แต่ในทางตรงกันข้ามคือให้พวกเขาถูกได้รับการให้ความสำคัญหรือการให้พวกเขาได้มีเวทีที่จะถูกยอมรับ สิ่งเหล่านี้จะทำให้พวกเขาทำงานอย่างมีใจในระยะยาวและทุ่มเทกับงานได้ดียิ่งขึ้นด้วย

8. ตั้งเป้าหมายชีวิต vs ไม่ตั้งเป้าหมายชีวิต
มันเป็นเรื่องยากถ้าคุณจะประสบความสำเร็จโดยที่คุณไม่รู้ว่าคุณกำลังจะมุ่งเป้าไปที่อะไร การตั้งเป้าหมายของชีวิตเป็นแผนต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น 10 ปี 3 ปี หรือการวางแผนว่าคุณจะทำอะไร / เป็นอะไรในแต่ละปีนั้นเป็นหนึ่งในสิ่งที่คนประสบความสำเร็จมักทำกันเพื่อให้พวกเขารู้ตัวอยู่เสมอว่ากำลังทำอะไรอยู่และสิ่งที่เขาทำอยู่นั้นทำให้เขาเข้าใกล้ความสำเร็จแค่ไหน

9. จดบันทึก vs บอกว่าคุณจดบันทึกแต่จริงๆ ไม่ได้ทำ
ไอเดียหรือความคิดสร้างสรรค์มักเกิดขึ้นอย่างไม่คาดฝันอยู่บ่อยๆ หลายๆ ทีมันมักมาแบบผิดที่ผิดเวลา คนที่ประสบความสำเร็จมักจะรีบจดโน๊ตเพื่อบันทึกไอเดียเหล่านั้นอยู่เสมอๆ เพื่อไม่ให้ไอเดียเหล่านั้นสูญหายไป และหลายๆ ครั้งที่ไอเดียเหล่านั้นกลายเป็นสิ่งที่ทำให้เกิดงานดีๆ หรือทำให้หลายๆ คนประสบความสำเร็จได้เลยทีเดียว

 

10. อ่านหนังสือทุกวัน vs ดูทีวีทุกวัน
การอ่านหนังสือทุกๆ วันจะทำให้คุณได้เรียนรู้เรื่องราวใหม่ๆ อยู่เสมอ การอ่านที่ว่านี้อาจจะรวมไปถึงการอ่านบล็อก การอ่านนิตยสาร หรือหนังสือดีๆ ซึ่งทำให้คุณได้เรียนรู้อะไรมากขึ้น ในทางตรงกันข้าม การดูทีวีส่วนใหญ่มักนำไปสู่การทำให้คุณผ่อนคลาย ได้ความบันเทิง ได้หลีกหนีจากความเครียด แต่คุณแทบจะไม่ได้อะไรจากทีวีที่จะทำให้คุณประสบความสำเร็จสักเท่าไร

11. ทำงานด้วยมุมมองที่ปรับตัวอยู่เสมอ vs ทำงานในมุมมองแบบเดิมๆ
ผู้นำที่ประสบความสำเร็จมักจะมองหาวิธีการทำงานที่ดีขึ้นไปกว่าเดิม ทำให้งานไปสู่อีกขั้นหนึ่งอยู่เสมอ พวกเขามักมองการทำงานเป็นเหมือนความท้าทายที่จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นแทนที่จะสนใจแค่การสร้างยอดขายหรือทำงานให้เสร็จๆ ไปในแต่ละวัน

12. เรียนรู้อยู่เสมอ vs หยุดที่จะเรียนรู้
ความรู้ในโลกนี้มีมากมายและยังมีเรื่องราวอีกมหาศาลที่คุณยังไม่ได้รู้ แม้แต่ในสายงานของคุณเองก็ตาม การเรียนรู้และพัฒนาตัวเองคือวิธีเดียวที่จะทำให้เราก้าวไปข้างหน้าได้ คุณจะเหนือกว่าคนอื่นหรือเป็นที่โดดเด่นได้ก็เพราะคุณรู้มากกว่าคนอื่น ถ้าคุณหยุดที่จะเรียนรู้หรือคิดว่าตัวเองรู้แล้ว ในไม่ช้าคุณก็จะเป็นผู้ตามในที่สุด

13. กล่าวชมคนอื่น vs วิจารณ์คนอื่น
การชมคนอื่นเป็นวิธีที่ดีในการแสดงความห่วงใยคนที่คุณแคร์ การให้คำชมเป็นวิธีในการสร้างพลังงานและกำลังใจให้บคนทำงาน ในขณะที่การวิจารณ์คน (แบบไม่ดี) มีแต่จะทำให้คนรู้สึกแย่และไม่ได้นำไปสู่อะไรที่เป็นประโยชน์เท่าไรนัก

 

14. ยกโทษคนอื่น vs เจ้าคิดเจ้าแค้น
ใครๆ ก็ผิดพลาดกันได้ การให้อภัยเป็นสิ่งสำคัญในการก้าวผ่านความผิดพลาดและทำให้ดีขึ้น แต่การตำหนิ ใส่อารมณ์ หรือตามแค้นก็มีแต่จะทำให้สิ่งต่างๆ แย่ลงไปกว่าเดิมต่างหาก

15. รู้ในสิ่งที่คุณ “อยากเป็น” vs ไม่รู้ว่าคุณอยากเป็นอะไร
การทำลิสต์ “To-Be” เป็นหนึ่งในวิธีที่ดีมากของการตั้งเป้าหมายว่าอนาคตคุณจะเดินไปทางไหน มันทำให้คุณเห็นภาพว่าอนาคตคุณจะเป็นอย่างไรและย้อนกลับมาว่าคุณไปถึงจุดนั้นได้อย่างไร คนที่ประสบความสำเร็จมักมีภาพในหัวชัดมากว่าพวกเขาอยากเป็นอะไร แต่คนที่ไม่ประสบความสำเร็จมักไม่มีภาพเหล่านี้อยู่ในหัวเลย

16. กตัญญูและซาบซึ้งกับสิ่งรอบข้าง vs ไม่รู้สึกอะไรกับโลกรอบข้าง
การที่คุณสามารถ “รู้สึก” กับสิ่งรอบข้างทำให้คุณเห็นคุณค่าของความสำเร็จและความสุขมากมายรอบตัว นอกจากนี้คนที่คุณรู้สึกดีมากมักเป็นส่วนสำคัญที่จะทำให้คุณประสบความสำเร็จ อย่าลืมที่จะขอบคุณและเห็นคุณค่าทุกคนที่เข้ามาในชีวิตของคุณเพราะนั่นเป็นสิ่งที่ทำให้คุณเข้าใจคำว่า “ความสำเร็จ” มากขึ้นไปยิ่งกว่าเดิม

                                                                                                                                                                    ( ขอขอบพระคุณ wise success thailand)
 
 
ศรีลำดวน....ศรีสะเกษ

บ.โอทูอินเตอร์เนชั่นแนล จก. รวมพลคนโอทูที่ จ.ศรีสะเกษ ตื่นตา ตื่นใจ ฟังบรรยายกันตาค้าง! บริษัทโอทูยิ่งใหญ่สมคำล่ำลือจริงๆ โอทู...."โอทู" ชื่อนี้เกษตรกรมั่นใจ "โอทู" ชื่อนี้มีเพียง 1 เดียวในประเทศไทย และ 1 เดียวในโลก เท่านั้น บริษัทโอทูมีสินค้าหลายรายการ ตอบสนองความต้องการของภาคเกษตรกรรมได้อย่างเต็มที่ เกษตรกรเชื่อมั่นโอทูซุปเปอร์พรีเมี่ยมออร์แกนิค (พัฒนาจากตัวเดิมที่เป็นฟลาโวเจน) ให้ดีกว่า แรงกว่า เห็นผลชัดเจนกว่า แน่นนอนได้ออกขนาดเล็กจิ๋ว ขนาด10ซีซี เพื่อตอบสนองความต้องการของเกษตรกรรายย่อย ที่มีพื้นที่น้อย หรือต้องการทดลองใช้ เพียงแค่ 99.บาท ต่อขวด 10ซีซี เท่านั้น (และมีขนาด 500ซีซี และ 100ซีซี สำหรับพื้นที่มากขึ้น)โอทูฟลาโวก้า ชนิดเม็ด สารปรับสภาพดินอินทรีย์ บรรจุกระสอบ25กิโลกรัม หว่านได้ 1 ไร่ พัฒนามากกว่า 8ปีกับความสำเร็จของเกษตรกรทั่วฟ้าเมืองไทย ใช้แล้วใช้ซ้ำ กับเกษตรกรทั่วประเทศพร้อมทั้งสารเสริมประสิทธิภาพเครื่องยนต์ โอทูซุปเปอร์พาวเวอร์ ปกป้องเครื่องยนต์ ลดการสึกหรอของเครื่องยนต์ถึง71% ลดความร้อนของเครื่องยนต์ เครื่องลื่นขึ้น ใช้ทนทาน นานแสนนาน ใช้ได้กับเครื่องยนต์ทุกชนิด รถกะบะ รถเก๋ง โดยเฉพาะเครื่องจักรกลการเกษตร รถไถนา รถเกี่ยว รถแทรกเตอร์ รถบรรทุกhttp://www.otwopremiumorganic.com/index.php…โอทูซุปเปอร์พรีเมี่ยมออร์แกนิค และโอทูฟลาโวก้าชนิดเม็ดโอทูทั้งสองชนิดนี้ช่วยเกษตรกรลดต้นทุน เพิ่มผลผลิตให้ได้อย่างแน่นอนเลยทีเดียวwww.otwopremiumorganic.comLINE ID:angotwoคุณอัง.087-874 7997www.f2lady.comLINE ID : f2ladyคุณอ้อย.089-848-9604Executive Centerผู้บริหารศูนย์-คลังสินค้าโอทู คุณเทพพิศักดิ์-คุณสมใจ ชื่นมุนีวงศ์

Posted by Angotwo on 22 กันยายน 2015
 
 

 

 

 

 

 

 

 

  http://slide.ly/view/2715c0a516e0d3a7caae08e55563dfa6?utm_source=Fb_ORG_Share 

 

 

แด่เพื่อนๆทุกคน ที่เป็นที่รักขอแบ่งปันความสุขที่ได้รับมาจากประเทศสิงคโปร์ได้ทัศนศึกษา ได้ความรู้ และประสบการณ์ ขอขอบค...

Posted by Angotwo on 2 พฤษภาคม 2015

 

 

 

  

 

 

 

 

 

 

 

วันนี้อากาศไม่ร้อนมากร้อนแบบแห้งๆ ฝนทิ้งช่วงมานานพอดู นับว่าเข้าสู่หน้าร้อนแล้ว อากาศแบบนี้น่ากังวลว่าปีนี้จะแล้ง เพื่อนๆที่ทำเกษตรเป็นอาชีพเก็บกักน้ำกันไว้แล้วหรือยังครับ 

การขุดบ่อน้ำการเจาะบาดาล คนแห่ทำกันพร้อมกันช่วงหน้าแล้ง จึงต้องแย่งกันหาคนรับจ้างราคาจึงกระโดด ทำไม เพราะว่าการขุดบ่อหน้าแล้งมันทำได้ง่ายสดวก ทำไมเจาะบาดาลกันหน้าแล้งเพราะสามารถรู้ได้ว่าจะต้องเจาะกันให้ลึกสุดกี่เมตรขุดหน้าฝนแปปเดียวเจอน้ำก็จะหยุดเจาะแต่น้ำไม่พอหน้าแล้ง เจาะหน้าแล้ง หากเจอตาน้ำแล้วดูดพอใช้ หน้าฝนก็ชิวๆ 
ประเทศเราพลังงานเป็นสิ่งสำคัญ ถนนหนทางคือสิ่งสำคัญ แต่สิ่งสำคัญที่มากไม่แพ้กันคือน้ำ ผมยังจำได้ติดใจที่ท่านสมัคสุนทรเวชเคยพูดไว้ตั้งแต่ผมเด็กๆเรื่องการผันน้ำ ระบบท่อ ส่งทั่วอีสาน (รายละเอียดจำมะด้ายแล้ว) ก่อนผมไปเฝ้าเง็กเซียนหวังลึกๆจะได้เห็นระบบชลประทาน ที่ส่งน้ำเข้าพื้นที่เกษตรชาวบ้านได้ทั่วถึง 
คิดลึกๆในใจแม่งเลิกโกงหรือโกงน้อยกว่านี้คงมีทำสำเร็จไปนานแล้วละมั๊ง พื้นที่แห้งแล้งนับล้านๆไร่ ถ้ามีน้ำ ประเทศเราจะอุดมสมบูรณ์แค่ไหนหนอ


เมื่อย .......พะยะค

.........................................................................................................................................................................................

 “ทฤษฎีปลาโลมา” วิถีตัน โดย ตัน ภาสกรนที


ไม่มีใครอยากเป็น“ลูกจ้าง”ไปตลอดชีวิต
ผมเข้าใจเพราะเคยเป็นลูกจ้างกินเงินเดือนมาก่อน
เมื่อเป็นเจ้าของธุรกิจ ผมจึงผูกใจคนเก่งๆให้ช่วยดูแลกิจการด้วยระบบ“หุ้นส่วน”

แทนที่จะเป็นเจ้าของทั้งหมดคนเดียว เสมือนโอ่งใหญ่ๆรองน้ำฝนเป็นร้อยๆลิตร แต่ถ้าโอ่งแตกใบเดียว เราจะไม่เหลือน้ำเลยสักหยด
สู้มีกระป๋องเล็กๆ 20 ใบ กระจาย 20 สาขา กระป๋องละครึ่งเดียวแต่หลายๆใบรวมกัน ใบหนึ่งเสียหายก็ยังเหลือส่วนใหญ่ที่ได้อยู่
ด้วยวิธีนี้ ธุรกิจสตูดิโอถ่ายภาพแต่งงานจึงแตกตัวไปอย่างรวดเร็ว ผ่านการ“ร่วมทุน”กับพนักงานเก่งๆให้ออกไปโตเป็นเถ้าแก่

18 ปีผ่านไป หุ้นส่วนเก่งๆยังช่วยดูแลธุรกิจ โดยที่ผมไม่ต้องลงมือเองให้วุ่นวาย
ทำธุรกิจอย่ายึดติดกับความเป็นเจ้าของ อย่าคิดว่าต้องเป็นของเราคนเดียวร้อยเปอร์เซ็นต์ จะถือหุ้นเท่าไหร่ไม่สำคัญ สำคัญที่หุ้นของเรามีมูลค่าเท่าไหร่
บางอย่างดูเหมือนจะเสีย แต่ถ้ารู้จักแบ่ง เราจะได้โอกาสวันหน้าอีกมากมาย

เราได้ 40 % แบ่งให้คนอื่น 60% ..ได้น้อยก็ยังดีกว่าไม่ได้
“จิตวิญญาณความเป็นเจ้าของ” จะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อทุกคนรู้สึกเป็นหนึ่งในหุ้นส่วน
ต้องร่วมกันทำ ร่วมกันแบ่ง ลำบากร่วมกัน ถึงจะสบายด้วยกัน
ธุรกิจถ่ายภาพแต่งงานของเรา ปิดบัญชีแบ่งกำไรกันทุกเดือน พนักงานทุกคนได้ส่วนแบ่งเสมือนผู้ถือหุ้น ตั้งแต่ผู้จัดการร้าน ผู้ช่วยผู้จัดการ ช่างภาพ ช่างแต่งงาน
แม้แต่แม่บ้านก็ยังยิ้มแป้นได้ส่วนแบ่งด้วย
หลักการบริหารธุรกิจ คือ หลักการจัดสรรผลประโยชน์ที่ต้องทำอย่างรวดเร็ว ทันใจ

ผมเรียกมันว่า “ทฤษฎีปลาโลมา”

การปันผลให้ทันใจก็เหมือนกับโชว์ปลาโลมาในสวนสนุก ปลากระโดดปุ๊บต้องให้รางวัล
ไม่ใช่กระโดดค้างไว้ เดี๋ยวสิ้นเดือนค่อยว่ากันทีเดียว ปลาตัวไหนจะอยากทำงานให้เรา
ระหว่างสิ้นปีได้โบนัสครั้งเดียวกับแบ่งกำไรกันทุกสิ้นเดือน ความรู้สึกสำหรับคนทำงานต่างกัน
ยิ่งจัดสรรผลประโยชน์เร็ว ยิ่งเพิ่มแรงจูงใจ ธุรกิจยิ่งขยายตัว
แต่อย่าเน้นแค่เงินอย่างเดียว เหนืออื่นใด หัวใจต้องมาก่อน ตามมาด้วยศรัทธา ถ้าใช้เงินซื้อคน หลอมคนในองค์กรด้วยเงิน เงินเท่าไหร่ก็ไม่พอ

ซื้อตัว ไม่อาจซื้อใจ

ถ้ามาเพราะเงินเดือน 2 เท่า เขาจะอยู่กับเราได้ไม่นาน
เงินสำคัญแต่ก็ไม่ใช่ที่สุด คำชม กำลังใจ การให้โอกาส ความท้าทาย ความรู้สึกที่ดีๆที่มีให้กัน
คุณค่าทางใจมีความหมายไม่น้อยไปกว่าเงิน
บางทีปัญหาโลกแตกที่คิดว่ายากที่สุด ไม่ใช่เพราะมีหรือไม่มี “ดวงบริวาร”
แต่ความลับอยู่ที่การผูกใจคนให้เขามีความสุขอยู่กับเราไปนานๆ

 

พิธีประดับเข็ม และ ประชุมคลังสินค้า

 

 

     ในวันที่ 3 สิงหาคม 2556 บริษัท โอทูอินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ได้จัดพิธีมอบและประดับเข็ม CDM

แก่สามาชิกที่ประสบความสำเร็จ

 

 

บริษัท โอทูอินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด

สิ้นสุดระยะเวลาโปรโมชั่น

 

 

     บริษัท โอทูอินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ขอเรียนให้สมาชิกทุกท่านได้ทราบว่า โปรโมชั่นสินค้าของทางบริษัทฯ

จะสิ้นสุดภายในสิ้นเดือนมิถุนายน 2556นี้(ทุกโปรฯ)

 

     จึงเรียนมาเพื่อทราบโดยทั่วกัน

 

    

 

บริษัท โอทูอินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด
 

โอกาสทางธุรกิจ

คลิ๊กที่นี่

www.otwopremiumorganic.com/index.php

มีหลายๆคนเริ่มสนใจที่อยากจะทำ "ธุรกิจส่วนตัว" โดยหันหลังให้กับคำว่าลูกจ้างที่มีข้อจำกัดในเรื่องเวลา เรื่องผลตอบแทน

ผิดกับโลกของการทำธุรกิจส่วนตัวที่เปิดกว้างให้กับตัวเราที่อยากใช้มันสมอง ในการคิดการตัดสินใจ การบริหารงานนั้น

คนรวยหลายๆ คนไม่ใช่ร่ำรวยจาการทำงานเป็นลูกจ้าง แต่ร่ำรวยจากการเป็นเจ้าของกิจการ ถ้าอยากเป็นเจ้าของกิจการ ลองหาซิว่า

เป็นธุรกิจใด ที่ลงทุนน้อย ความเสี่ยงขาดทุนต่ำ กำไรสูง ประสบความสำเร็จในระยะเวลาอันสั้น ลองหาคำตอบให้กับตัวเองเจอแล้วหรือยัง

 

"ธุรกิจการตลาดแบบเครือข่าย" เป็นอีกธุรกิจหนึ่งที่ทั่วโลกให้การยอมรับเข้าถึงผู้บริโภคได้ดีและเป็นช่องทางให้นักธุรกิจหลายๆคน

ในปัจจุบัน หันมาทำธุรกิจเครือข่ายให้กับสินค้าของตนเอง จนประสบความสำเร็จกันมากมาย เพราะเป็นการลงทุนที่ต่ำ ความเสี่ยงต่ำ ผลตอบแทนสูง

 

ธุรกิจโอทู เป็นอีกธุรกิจหนึ่งที่เข้าร่วมการสร้างเครือข่ายผู้บริโภคสินค้า บริษัทฯมั่นคง ผู้บริหารมีวิสัยทัศน์ในการบริหาร เรามีสินค้าหลากหลาย และสินค้าเป็นที่ต้องการของตลาด ให้ผลตอบแทนสูง

 

 

ข้อดี การตลาดแบบขายตรง

 

ในปัจจุบันการค้าเกิดขึ้นมาในหลากหลายรูปแบบ มีทั้งระบบเฟรนไชส์ ระบบค้าส่ง ระบบค้าปลีกและระบบขายตรง ซึ่งทั้ง 3 ระบบแรกต้องใช้เงินลงทุนสูงในการดำเนินธุรกิจ การขยายธุรกิจทำได้ช้าและมีขีดจำกัดเรื่องเงินทุน เรื่องทำเลที่ตั้ง พนักงาน และค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่ตามมา ในระบบการตลาดแบบขายตรงนั้น ไม่มีอุปสรรคดังกล่าวเข้ามาเกี่ยวข้องโดยหัวเราจะทำหน้าที่แทนระบบดังกล่าว ทั้งหมด โดยมีผู้ลงทุนให้เรื่องพนักงาน เรื่องระบบการจ่ายเงิน เรื่องสินค้า เรื่องการขนส่ง โดยตัวเราเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายเพียงเล็กน้อยในการเริ่มทำธุรกิจ ความเสี่ยงในการทำธุรกิจไม่มีระบบนี้จึงเป็นที่นิยมสำหรับคนทั่วโลกที่อยาก มีอิสระในการบริหารงานจะเห็นได้ว่ามีอาชีพต่างๆ ที่เข้าสู่ระบบการค้านี้ เช่น นักการเมือง หมอ พยาบาล ครู ข้าราชการ แม่บ้าน นักศึกษาบางคนทำเป็นอาชีพหลัก บางคนทำเป็นอาชีพเสริม เป็นการค้าที่ไม่มีขีดจำกัดในการขยายธุรกิจ

 

การจ่ายผลตอบแทน

การจ่ายผลตอบแทนของบริษัทโอทูสามารถพิสูจน์ได้ว่าจ่ายได้จริง และเป็นธรรมสำหรับผู้ทำงานที่ทุ่มเท สามารถสร้างความสำเร็จและมั่นคงให้กับชีวิตได้ในระยะเวลาอันสั้น ผู้จำหน่ายรายใหม่สามารถมีรายได้แซงผู้จำหน่ายรายเก่าได้ ไม่มีการกำหนดรายได้ตายตัว ใครทำมากได้มากใครทำน้อยได้น้อย เป็นหลักการค้าทั่วๆ ไป 



ผู้ตั้งกระทู้ admin :: วันที่ลงประกาศ 2011-12-10 07:08:49


[1]

ความคิดเห็นที่ 1 (4427691)

 ufago77.pro แนะนำวิธีวางแผนเล่นสล็อตออนไลน์อย่างไรให้ได้เงินเยอะเยอะ คนที่จะเข้าเล่นเกมส์สล็อตออนไลน์ท่านจะต้องทำการวางแผนก่อนเล่นให้ดีเพื่อที่จะทำกำไรได้เงินเยอะเยอะแบบที่ต้องการ ใครที่จะเข้าเล่นหากมีการวางแผนก่อนจะทำให้มีโอกาสได้รับเงินเยอะไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของการวางแผนเงินเข้าเดิมพันหรือการวางแผนเลือกเล่นเกมส์ที่มีโอกาสมากที่สุดเพราะว่าเกมส์แต่ละเกมส์ ufago77.pro

 
ผู้แสดงความคิดเห็น sdfsdfsd (dpdgs-at-gmail-dot-com)วันที่ตอบ 2023-09-15 22:54:25



[1]


แสดงความคิดเห็น
ความคิดเห็น *
ผู้แสดงความคิดเห็น  *
อีเมล 
ไม่ต้องการให้แสดงอีเมล



Copyright © 2011 All Rights Reserved.